ปลูกผม | บริการปลูกผมถาวร
ปลูกผมถาวร ศูนย์ปลูกผมถาวรโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ผมบาง ผมเป็นไข่ดาว ศีรษะล้าน ปัจจุบันสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการปลูกผม ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ ดี ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติ ที่สุดสำหรับคนที่มีศีรษะล้านหรือบาง ด้วยเทคนิคเฉพาะของ รพ. จากประเทศเกาหลี
เส้นผมและรากผมแข็งแรง หนาแน่นเป็นธรรมชาติ สร้างแนวเส้นกรอบหน้า แนวเส้นผมใหม่และเห็นผลทันที โดยไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องนอนค้าง รพ. แทบไร้รอยแผลเป็น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัว ทำเพียงครั้งเดียว อยู่ได้ตลอดไม่ต้องทำซ้ำ และการปลูกผมนับเป็นการผ่าตัดเล็ก
การปลูกผมถาวรนั้น คือการย้ายรากผมจากที่หนึ่ง (ในบริเวณด้านหลังของศีรษะ) ไปยังอีกที่หนึ่ง (บริเวณที่ต้องการปลูก) ไม่ได้เป็นการเพิ่มเส้นผมจากที่มีอยู่ ผมบริเวณที่รากผมถูกนำออกมาแล้วจะไม่ขึ้นมาใหม่ แต่ผมจะไปขึ้นในบริเวณที่หมอนำรากผมไปปลูกแทน วิธีการปลูกผมถาวรจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6-10 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของแต่ละเคส
การปลูกผมจะเรียกผมเป็น กราฟผม คือ กอผมหรือเนื้อเยื่อของผม ในปกติ 1 กราฟผมจะมีเส้นผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น โดยจำนวนกราฟที่ใช้ในการปลูกผมถาวรของแต่ละคนนั้นจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน สำหรับใครที่อยกาทราบละเอียดเกี่ยวกับกราฟผมว่าคืออะไร สำคัญกับการรักษาภาวะผมร่วงผมบางอย่างไร สามารถอ่านต่อได้ที่ กราฟผมคืออะไร กราฟผมมีกี่ชนิด กราฟผมจะมีผมกี่เส้น
การรักษาผมร่วง ผมบางมีกี่แบบ
โดยปกติแล้วการรักษาภาวะผมร่วง ผมบาง หัวล้าน ฯลฯ จะมีวิธีการรักษาหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีเทคนิคที่แตกต่างกัน ดังนี้
การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย PRP
การทำ PRP (Platelet Rich Plasma) หรือ Hair Therapy เป็นการซ่อมแซมเซลล์รากผมที่อ่อนแอ ให้กลับแข็งแรงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งการทำ PRP นี้ถือเป็นการปลูกผมในรูปแบบหนึ่ง กับคนไข้ที่มีภาวะปัญหาผมบาง และหลุดร่วงง่าย
แต่จะไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้กับบริเวณที่ไม่มีผมขึ้นมาเลย หรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาหัวล้านได้นั่นเอง
โดย PRP แพทย์จะทำการฉีดไปบริเวณส่วนที่ต้องการการฟื้นฟู และยังช่วยกระตุ้นเซลล์รากผมที่หยุดทำงาน ให้กลับมาสร้างเส้นผมได้
พร้อมบำรุงให้เกิดความแข็งแรง ผลลัพธ์ที่ออกมาจะสามารถเห็นความหนาแน่นของเส้นผมเพิ่มขึ้นได้ด้วยตาเปล่า
นอกจากนี้ PRP ยังเป็นวิธีที่ปลอดภัย ไร้สารเคมี ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้งพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำ นับว่าเป็นทางเลือก
ในการรักษาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และสามารถทำควบคู่กับการปลูกผมถาวร FUE/DHI/NHI ฯลฯ ได้อีกด้วย
การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย MESO Hair
การทำ MESO Hair เป็นการผลักตัวยา และวิตามินเข้าบำรุงเซลล์รากผม เหมาะกับผู้ที่มีภาวะผมบางหลุดร่วง ส่วนมากเกิดจากความเครียด
การเจ็บป่วย การดัดย้อมด้วยเคมีที่รุนแรง เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
MESO Hair เป็นตัวช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของโลหิตบริเวณหนังศีรษะ ทำให้เซลล์รากผมได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ เสริมสร้างการเกิดใหม่ของเส้นผม
และชะลอการหลุดร่วงให้เส้นผมมีอายุยืนยาวมากขึ้น ระยะเวลาในการทำสองสัปดาห์ต่อครั้ง และส่วนมากจะเริ่มเห็นผลในเดือนที่ 2-3 เป็นต้นไป
การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย โปรตีนขนาดเล็ก Exosome
วิธีนี้เป็นเทคโนโลยีการรักษาที่ใช้องค์ประกอบของโปรตีน ที่มีขนาดเล็กมาก ๆ มีเส้นผ่าศูนย์กลางของโปรตีนประมาณ 30-100 นาโนเมตร หรือมีขนาดที่เล็กกว่าเซลล์ในร่างกายเราถึง 1/1,000 เท่า
ใน Exosome จะประกอบไปด้วยสารชีวโมเลเกุลมากมาย อาทิเช่น Cytokines, Growth factors, Micro RNA ฯลฯ ที่มากกว่า PRP 1,000 เท่าตัว
ทำให้เกิดการกระตุ้น ฟื้นฟู และมีการซ่อมแซมเซลล์รากผมได้อย่างดีเยี่ยม
ตัวอย่างของชีวโมเลกุลที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์รากผม
Cytokine และ Growth factor เป็นตัวทำหน้าที่ในการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ เพื่อให้มีการทำงานของเซลล์นั้น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
Micro RNA เป็นตัวช่วยปรับระดับการทำงานของยีนส์ในเซลล์ให้เป็นปกติ กระตุ้นการสร้างโปรตีน ยับยั้งยีนส์ที่ไม่ดี ส่งผลให้เซลล์รากผมมีการเจริญเติบโตที่ดี
ทั้งยังมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟู ซ่อมแซม และชะลอวัยในระดับเซลล์
การปลูกผมแบบ FUE เป็นการศัลยกรรมอย่างหนึ่ง ด้วยการย้ายเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยไปปลูกถ่ายยังบริเวณที่ต้องการ
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคไร้แผลเย็บ ไม่ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล ที่สำคัญคือไม่ทิ้งรอยแผลเป็น เนื่องจากเทคนิคนี้จะใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กมาก
แล้วนำเซลล์รากผมออกมาปลูกถ่าย เพื่อให้ได้แนวไรผมที่ต้องการ เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากที่ทำเสร็จ ใช้ระยเะเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับ
จำนวนกราฟที่นำมาปลูกถ่าย วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้าน ที่ไม่ต้องการใช้เวลาในการพักฟื้นเป็นอย่างมาก
เทคนิคนี้จะเห็นถึงความหนาแน่นของเส้นผมที่เกิดขึ้นมาใหม่ โดยทั่วไปใช้เวลาเห็นผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส
การปลูกผมเทคนิค FUE Advance
การปลูกผมแบบ FUE Advance เป็นเทคนิคที่พัฒนาขึ้นจากเทคนิค FUE เดิม ที่ใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กกว่ามาก ขั้นตอนที่ทำเหมือนกัน
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคือความหนาแน่นที่มากกว่า ได้แนวไรผมที่ชิดมากกว่า เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากทำเสร็จ ส่วนระยะเวลาที่ใช้นั้นจะมากกว่าแบบ FUE ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
เทคนิคนี้ใช้ทักษะที่สูงกว่า และขั้นตอนที่ซับซ้อนขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ความหนาแน่นมากขึ้น ที่สำคัญยังคงไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นมากเช่นกัน
เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density เรียกได้ว่าเห็นความแตกต่างจากเทคนิค FUE ได้อย่างชัดเจน ใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส
นอกจากเทคนิคแบบ FUE แล้วก็มีอีกหนึ่งเทคนิคที่ตีคู่กันมาเช่นเดียวกันนั่นคือการปลูกผมด้วยเทคนิค FUT ซึ่งทั้ง 2 เทคนิคนี้ แม้จะเป็นวิธีทางศัลยกรรมการปลูกผมถาวรเหมือนกัน แต่ก็มีข้อแตกต่างกันอยู่ ซึ่งอาจรวมไปถึงกลุ่มผู้เข้ารับบริการแบบเฉพาะวิธีด้วย ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรสามารถอ่านต่อได้ที่ ปลูกผม FUE VS ปลูกผม FUT ต่างกันยังไง แบบไหนดีกว่ากัน?
การปลูกผมเทคนิค DHI (Direct Hair Implantation)
การปลูกผมแบบ DHI เป็นวิธีการปลูกผมถาวรที่ได้รับความนิยมสูงในขณะนี้ โดยแพทย์จะใช้กราฟ หรือกอผม 1-4 เส้นบริเวณท้ายทอย โดยใช้เครื่องมือ DHI Implanter กราฟในการดึงออกมาจากท้ายทอย
และกราฟที่ปักออกไปสามารถทำได้ในครั้งเดียว ไม่ต้องเสียเวลาทำแยกสองขั้นตอนเหมือนวิธี FUE ส่งผลให้ลดปัญหารากผม และเซลล์รากผมเกิดความเสียหายระหว่างปลูกผมได้เป็นอย่างดี
รวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ดูกลมกลืนไปทั้งศีรษะ เนื่องจากเครื่องมือดังกล่าวจะสามารถควบคุมทิศทาง ความลึก และมุมองศาในการปลูกได้แม่นยำ โดยทั่วไปอาจจะใช้เทคนิคนี้ร่วมกับการปลูกผมแบบ FUE Advance
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม และเหมาะกับแต่ละบุคคลได้อย่างดี
เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density โดยที่ได้เรื่องแนวไรผมที่สวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติ และมาตรฐานที่สูงขึ้น
การปลูกผมแบบ NHI (Navamin Hair Transplant)
การปลูกผมแบบ NHI เป็นเทคนิคเดียวในประเทศ ที่เป็นวิธีการเฉพาะของโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ที่ได้รับมาตรฐานจากองค์กรระดับโลก JCI โดยเทคนิคนี้จะคล้ายคลึงกับการปลูกผมแบบ DHI แต่จะใช้เทคนิคการเจาะ และการปลูกถ่ายจากประเทศเกาหลี
รวมถึงเครื่องมือ Implanter ระดับ Hi-End ซึ่งนอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในแง่ของ เซลล์รากผมที่ไม่บอบช้ำ มีอัตราการรอดหลังการปลูกถ่ายสูงที่สุด ยังได้ในส่วนของการดูแลหลังการปลูกที่ง่ายกว่า แผลหายเร็วกว่า
รวมถึงผลลัพธ์ที่แน่นอนกว่าแบบเห็นได้ชัดเจน เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ปราณีตที่สุด ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดูแลง่ายที่สุด และมีมาตรฐานสูงที่สุดในบรรดาการปลูกด้วยเทคนิคอื่น ๆ
โดยแพทย์ที่ทำการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิคนี้ จะต้องมีความเข้าใจในความเป็นธรรมชาติของแนวไรผมของคนไข้ และการวาดแนวกรอบหน้าให้เหมาะสม และใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกทุกรายละเอียดอย่างแท้จริง
เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Ultra Hi Density ได้แนวไรผมที่สวยงามมากที่สุด เป็นธรรมชาติมากที่สุด และได้มาตรฐานที่สูงที่สุดอีกด้วย
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ผมข้างหน้าบางทำไง รักษาวิธีไหนได้ผลที่สุด