หัวล้าน เกิดจากอะไร เลือกวิธีรักษาแบบไหนให้เหมาะกับตนเอง?

หัวล้าน ผมร่วง ผมบาง ถือเป็นภาวะที่หลาย ๆ คนกำลังประสบกันอยู่ทั้งชายและหญิง โดยแต่ละคนก็จะมีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงสาเหตุของภาวะศีรษะล้าน สาเหตุแรก ๆ ที่หลาย ๆ คนนึกถึงคงไม่พ้น “กรรมพันธุ์” ที่สามารถส่งต่อภาวะนี้ให้กันได้จากรุ่นสู่รุ่น และผู้ที่ประสบปัญหาอาจมีความกังวลใจอยู่ไม่น้อยว่าถ้าหากภาวะนี้เกิดจากกรรมพันธุ์ทางครอบครัวจริงจะสามารถรักษาได้หรือไม่ ในบทความนี้ Vital Clinic ได้รวบรวมคำตอบมาให้ พร้อมถึงเทคนิคการรักษาสำหรับผู้ที่มีภาวะศีรษะล้านที่เกิดจากแต่ละสาเหตุมาฝากด้วย

หัวล้าน เกิดจากอะไร หากเกิดจากกรรมพันธุ์สามารถรักษาได้มั้ย?

ความเชื่อของคนส่วนใหญ่ มักคิดว่าปัญหาหัวล้านเป็นเรื่องไกลตัว ปล่อยไว้ก่อนไม่น่าเป็นอะไร แต่ทุกคนทราบหรือไม่ว่าการละเลยดังกล่าวส่งผลให้เกิดปัญหาสะสมเรื้อรัง ยิ่งปล่อยไว้นาน ยิ่งแก้ไขยาก งบประมาณยิ่งบานปลาย

ทั้งนี้ ในบางคนก็มีความเชื่อเรื่องหัวล้านว่าสามารถรักษาได้ โดยการซื้อยามาทา หรือใช้แชมพูมาลองใช้ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ เพราะต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริงนั้นไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องนั่นเอง

สาเหตุหลักของ ผมร่วง ผมบาง หรือ ศีรษะล้าน

สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ

เกิดจากกรรมพันธุ์

เป็นสาเหตุที่พบมากที่สุดที่ทำให้เกิดศีรษะล้านแบบถาวร ซึ่งเป็นภาวะผิดปกติที่ส่งต่อกันทางยีนส์จากคนในครอบครัว ทำให้ผมร่วงง่ายและแม้จะมีผมขึ้นมาใหม่ก็ไม่แข็งแรงเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม แม้กรรมพันธุ์เช่นนี้จะมีภาวะอาการที่รนแรงในเพศชายมากกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่พบเจอในเพศหญิงเลย ซึ่งจะมีอาการออกน้อยหรือมากนั้นก็จะขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละบุคคลด้วย เช่น อายุ อาหารที่รับประทาน ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการดูแลผม เป็นต้น

โดยภาวะศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์นั้นสามารถแบ่งความรุนแรงออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน คือ 

• ระดับที่ 1 ผมเริ่มบางลงแต่ยังไม่รุนแรง ซึ่งอาจเกิดมาจากการที่ผมมีเส้นบางและเล็กลง สามารถสังเกตได้จากรอยแสกระหว่างเส้นผมว่ามีพื้นที่ว่างอยู่
• ระดับที่ 2 ผมบางมากขึ้นจนเริ่มเห็นหนังศีรษะ พื้นที่ว่างเริ่มขยายมากขึ้นกว่าเดิม โดยความรุนแรงระดับนี้สามารถเริ่มรักษาด้วยวิธีการปลูกผมได้แล้วหรือการให้ยาหรือวิตามินเพื่อชะลออาการผมร่วง
• ระดับที่ 3 ผมบางจนเห็นหนังศีรษะที่เป็นพื้นที่ว่างอย่างชัดเจน เพราะเสียผมไปเป็นจำนวนมากแล้ว หากรักษาด้วยวิธีการปลูกผมร่วมกับการใช้ยาแล้วไม่ได้ผล ผู้มีภาวะนี้ก็สามารถเลือกใช้วิกผมได้เช่นกัน

สาเหตุอื่น ๆ

พบได้น้อยกว่า มีด้วยกันหลายโรค โรคที่พบได้บ่อยคือ

• ผมร่วงชนิดเป็นหย่อม หรือมีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า Alopecia Areata
• โรคของต่อมไทรอยด์ เช่น ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (Toxic goiter) ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย (Hypothyroidism)
• โรคจิตที่ชอบถอนผมตัวเอง (Trichotillomania)

อย่างไรก็ตาม ศีรษะล้านที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์มักเป็นภาวะชั่วคราวเท่านั้น และไม่มีลักษณะศีรษะล้านที่ตายตัว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผมจะร่วงทั้งศีรษะแต่เมื่อภาวะผิดปกติของร่างกาย เช่น ภาวะต่าง ๆ ที่ยกตัวอย่างไปด้านบนได้ถูกรักษาหรือบรรเทาให้ดีขึ้น ผมของผู้มีภาวะนี้ก็ขึ้นใหม่เป็นปกติได้ แต่ยกเว้นในกรณีที่บางคนสูญเสียผมจากเหตุที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น การสูญเสียผมจากผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉายรังสีรักษาโรค, การผ่าตัดต่าง ๆ หรือ อุบัติเหตุ เป็นต้น

แนวทางการรักษาภาวะศีรษะล้าน

การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับของผมร่วงว่าอยู่ในระดับใด ในรายที่มีสาเหตุจากโรคบางชนิด การได้รับยาเพื่อรักษาจนอาการของโรคหาย ผมก็จะกลับขึ้นมาดังเดิม 

ดังนั้น ในขั้นแรก แพทย์จะวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้ผมร่วงก่อน การรักษานอกจากการได้รับยาแล้ว อาจมีการบำรุงรักษาด้วยสารอาหาร ยา วิตามิน อาหารเสริม สเปรย์ เซชั่น แชมพู ฉายแสง ทรีตเม้นท์อื่นๆ เป็นต้น ซึ่งขอเน้นว่า วิธีที่กล่าวมาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ในการเลือกใช้ให้เหมาะกับผู้เข้ารับบริการด้วย

ทั้งนี้ ยังมีการรักษาด้วยเทคโนโลยีการปลูกผมต่าง ๆ ที่จะเข้ามาช่วยฟื้นฟูรากผม ช่วยให้เกิดการงอกใหม่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งก็จะถูกแบ่งออกได้หลายประเภทด้วยกัน

เทคนิคการปลูกผมช่วยรักษาภาวะศีรษะล้าน จาก Vital Glow Clinic

สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 วิธีหลัก ๆ ด้วยกัน คือ

1.เทคนิค FUE

การปลูกผมแบบ FUE เป็นการศัลยกรรมอย่างหนึ่ง ด้วยการย้ายเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยไปปลูกถ่ายยังบริเวณที่ต้องการเทคนิคนี้เป็นเทคนิคไร้แผลเย็บ ไม่ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล ที่สำคัญคือไม่ทิ้งรอยแผลเป็น เนื่องจากเทคนิคนี้จะใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กมากแล้วนำเซลล์รากผมออกมาปลูกถ่าย เพื่อให้ได้แนวไรผมที่ต้องการ เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากที่ทำเสร็จ ใช้ระยเะเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟที่นำมาปลูกถ่าย วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้าน ที่ไม่ต้องการใช้เวลาในการพักฟื้นเป็นอย่างมาก เทคนิคนี้จะเห็นถึงความหนาแน่นของเส้นผมที่เกิดขึ้นมาใหม่ โดยทั่วไปใช้เวลาเห็นผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส

2.เทคนิค Advance- FUE

การปลูกผมแบบ Advance-FUE เป็นเทคนิคที่พัฒนาขึ้นจากเทคนิค FUE เดิม ที่ใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กกว่ามาก ขั้นตอนที่ทำเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคือความหนาแน่นที่มากกว่า ได้แนวไรผมที่ชิดมากกว่า เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากทำเสร็จ ส่วนระยะเวลาที่ใช้นั้นจะมากกว่าแบบ FUE ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เทคนิคนี้ใช้ทักษะที่สูงกว่า และขั้นตอนที่ซับซ้อนขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ความหนาแน่นมากขึ้น ที่สำคัญยังคงไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นมากเช่นกัน
เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density เรียกได้ว่าเห็นความแตกต่างจากเทคนิค FUE ได้อย่างชัดเจน ใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส

3.เทคนิค DHI (Direct Hair Implantation)

การปลูกผมแบบ DHI เป็นวิธีการปลูกผมที่ได้รับความนิยมสูงในขณะนี้ โดยแพทย์จะใช้กราฟ หรือกอผม 1-4 เส้นบริเวณท้ายทอย โดยใช้เครื่องมือ DHI Implanter กราฟในการดึงออกมาจากท้ายทอยและกราฟที่ปักออกไปสามารถทำได้ในครั้งเดียว ไม่ต้องเสียเวลาทำแยกสองขั้นตอนเหมือนวิธี FUE ส่งผลให้ลดปัญหารากผม และเซลล์รากผมเกิดความเสียหายระหว่างปลูกผมได้เป็นอย่างดีรวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ดูกลมกลืนไปทั้งศีรษะ เนื่องจากเครื่องมือดังกล่าวจะสามารถควบคุมทิศทาง ความลึก และมุมองศาในการปลูกได้แม่นยำ โดยทั่วไปอาจจะใช้เทคนิคนี้ร่วมกับการปลูกผมแบบ FUE Advance เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม และเหมาะกับแต่ละบุคคลได้อย่างดี เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density โดยที่ได้เรื่องแนวไรผมที่สวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติ และมาตรฐานที่สูงขึ้น

4.เทคนิค NHI (Navamin Hair Implant)

การปลูกผมแบบ NHI เป็นเทคนิคเดียวในประเทศ ที่เป็นวิธีการเฉพาะของโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ที่ได้รับมาตรฐานจากองค์กรระดับโลก JCI โดยเทคนิคนี้จะคล้ายคลึงกับการปลูกผมแบบ DHI แต่จะใช้เทคนิคการเจาะ และการปลูกถ่ายจากประเทศเกาหลี รวมถึงเครื่องมือ Implanter ระดับ Hi-End ซึ่งนอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในแง่ของ เซลล์รากผมที่ไม่บอบช้ำ มีอัตราการรอดหลังการปลูกถ่ายสูงที่สุด ยังได้ในส่วนของการดูแลหลังการปลูกที่ง่ายกว่า แผลหายเร็วกว่ารวมถึงผลลัพธ์ที่แน่นอนกว่าแบบเห็นได้ชัดเจน เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ปราณีตที่สุด ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดูแลง่ายที่สุด และมีมาตรฐานสูงที่สุดในบรรดาการปลูกด้วยเทคนิคอื่น ๆ โดยแพทย์ที่ทำการปลูกผมด้วยเทคนิคนี้ จะต้องมีความเข้าใจในความเป็นธรรมชาติของแนวไรผมของคนไข้ และการวาดแนวกรอบหน้าให้เหมาะสม และใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกทุกรายละเอียดอย่างแท้จริง เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Ultra Hi Density ได้แนวไรผมที่สวยงามมากที่สุด เป็นธรรมชาติมากที่สุด และได้มาตรฐานที่สูงที่สุดอีกด้วย

ท้ายที่สุด ผู้อ่านหลาย ๆ คนอาจเห็นแล้วว่า หากพิจารณาจากทั้งสาเหตุและภาวะอาการของภาวะศีรษะล้านจากทั้ง 2 สาเหตุหลัก ๆ ดังกล่าวแล้ว สาเหตุที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดสาเหตุจากกรรมพันธุ์นั่นเอง เพราะเป็นภาวะศีรษะล้านที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น ผู้ที่รู้ตัวว่ามียีนส์ศีรษะล้านจากครอบครัวก็อาจจะต้องทำการศึกษาวิธีรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ หรือเข้ารับการตรวจและวินิจฉัยจากแพทย์เพื่อหาวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตนเองมาที่สุด

เนื่องจากที่กล่าวไปว่าหัตถการและการศัลยกรรมทางเส้นผมนั้นมีหลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละขั้นตอนนั้นสำคัญมาก หากเลือกผิดก็อาจส่งผลเสียให้กับผู้เข้ารับบริการได้เลย ดังนั้น การเลือกคลินิคหรือสถานเข้ารับบริการจึงสำคัญ ดังนั้น อย่าลืมพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อผลการรักษาและความปลอดภัยของตัวเราเอง

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

บริการปลูกผม จาก Vital Glow Clinic

รีวิวจากผู้เข้ารับบริการปลูกผมจาก Vital Glow Clinic

กราฟผมคืออะไร กราฟผมมีกี่ชนิด และโดยทั่วไปกราฟผมจะมีผมกี่เส้น